เลือกหน้า
เมื่อรถเข้าอู่เพราะอุบัติเหตุ เราได้รับค่าเสียประโยชน์ด้วยนะ

เมื่อรถเข้าอู่เพราะอุบัติเหตุ เราได้รับค่าเสียประโยชน์ด้วยนะ

          “ประกันภัยรถยนต์” เป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคนที่มีรถควรต้องมีไว้ เพราะเวลาเกิดอุบัติเหตุและรถเสียหายเราก็จะต้องเอารถเข้าซ่อม ค่าซ่อมรถที่เกิดจากความเสียหาย บริษัทประกันภัยจะช่วยจัดการให้เราแล้ว (เมื่อคุณซื้อประกันชั้น 1/2+/3+) แต่สิ่งที่ตามมาคือ ค่าใช้จ่ายจุกจิกที่เกิดขึ้น นั่นคือค่าเดินทางที่เราต้องไปทำธุระหรือทำงาน

          เมื่อเราไม่มีรถ บางคนก็ต้องนั่งรถแท็กซี่ บางคนก็อาจพึ่งพี่วินขาประจำ ซึ่งทั้งหมดมันก็คือเงินที่เราต้องเสียเพิ่ม รถก็ต้องซ่อม ไม่มีรถให้ใช้งานระหว่างนี้ แล้วเราต้องเป็นคนจ่ายค่าเดินทางระหว่างที่เราไม่มีรถด้วยหรือ? ค่าใช้จ่ายพวกนี้ ถือเป็น ค่าเสียประโยชน์ จากการที่เราไม่ได้ใช้รถตามปกติ เพราะเราต้องเอารถเข้าซ่อมเนื่องจากอุบัติเหตุ ซึ่งค่าใช้จ่ายนี้ เราเบิกได้จากบริษัทประกันภัย

          กรณีที่เราทำประกันภัยรถ และสาเหตุที่เราต้องเอารถเข้าซ่อมครั้งนี้เราเป็นฝ่ายถูก (มีคู่กรณี และคู่กรณีต้องมีประกันภัยรถยนต์ชั้นไหนก็ได้) ก็จัดการทำเรื่องเบิกได้เลยค่ะ เราซึ่งเป็นฝ่ายถูก เราจะเป็นผู้เรียกร้องกับบริษัทประกันภัยข้างที่เป็นฝ่ายผิด

          ยอดเงินที่เบิกได้ก็จะเพียงพอกับค่าแท็กซี่ทั้งขาไปและกลับ จากบ้านถึงที่ทำงานของเรา ข้อดีคือ ช่วยให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายได้เยอะอยู่นะคะ (ถ้ารถเราต้องเข้าซ่อมที่อู่นานๆ) ซึ่งปัจจุบันนี้บริษัทประกันภัยชั้นนำทั่วไปก็พิจารณาจ่ายคืน ค่าเสียประโยชน์ จำนวนนี้ให้กับลูกค้า โดยคำนวณเป็น

          ค่าใช้จ่ายต่อวัน (ตามข้อบังคับของคปภ.) x จำนวนวันที่รถต้องซ่อมในอู่ = เป็นเงินที่จะคืนให้กับเรา

 

          เช่น เราขับรถเก๋งส่วนตัว (ไม่เกิน 7 ที่นั่ง) แล้วเกิดรถชนกับรถยนต์คันอื่น (รถคันนี้มาชนกับเรา และเขาทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 3 ไว้)

ความเสียหายรถยนต์ที่เราในครั้งนี้ เราให้อู่ซ่อมประเมิณจำนวนวันแล้วว่า จะต้องซ่อมทั้งหมด 5 วัน

เรทที่ได้ จะเท่ากับ

รถส่วนบุคคล ไม่เกิน 7 คน จ่ายขั้นต่ำวันละ 500 x 5 วัน(ที่ซ่อม) = ได้ค่าเสียประโยชน์มาเบื้องต้น 2,500 บาทค่ะ

เราจึงจะสามารถจัดการเรียกร้องค่าเสียประโยชน์นี้กับบริษัทประกันภัยข้างที่เป็นฝ่ายผิดได้เลยค่ะ

 

อัตราข้อบังคับที่คปภ.กำหนดที่จะจ่ายมีดังนี้

รถส่วนบุคคล ไม่เกิน 7 คน (รถเก๋ง กระบะ) จ่ายไม่ต่ำกว่าวันละ 500 บาท

รถสาธารณะ ไม่เกิน 7 คน (แท็กซี่) จ่ายไม่ต่ำกว่าวันละ 700 บาท

รถสาธารณะ เกิน 7 คน (รถตู้ รถโดยสารประจำทาง) จ่ายไม่ต่ำกว่าวันละ 1,000 บาท

 

ครั้งต่อไปเราไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายการเดินทางระหว่างที่เราส่งรถซ่อมอู่แล้วนะคะ เพราะเรายังได้รับ ค่าเสียประโยชน์ นี้ อย่าลืมติดต่อสอบถามบริษัทประกันภัยของท่านด้วยนะคะ

เตรียมของสำคัญห้ามพลาด ก่อนเดินทางต่างประเทศ

เตรียมของสำคัญห้ามพลาด ก่อนเดินทางต่างประเทศ

เมื่อเรามี “ประกันเดินทาง” เราจะสบายใจตลอดทริป พร้อมความคุ้มครองตั้งแต่ไปยันกลับ

สิ่งสำคัญสำหรับนักเดินทางที่ห้ามพลาดกันเลยทีเดียว เราเตรียมจดกันได้เลยค่ะ

  1. พาสปอร์ต สิ่งนี้สำคัญมากห้ามลืมเป็นอันขาดนะคะ
  2. ตั๋วเครื่องบิน ปริ้นเอกสาร A4 เอาไว้หลายๆแผ่น หรือเซฟเอาไว้ในมือถือของคุณ
  3. ใบจองห้องพักรร. ปริ้นออกมาเป็นเอกสาร หรือเซฟเก็บในมือถือของคุณได้เช่นกันค่ะ
  4. เอกสารประกันภัยเดินทาง กรณีนี้เราจะซื้อหรือไม่ซื้อก็ได้ค่ะ ถ้าเราซื้อ เราจะมีความคุ้มครองอย่างแรกเลยคือ ค่ารักษาพยาบาลตอนที่เราป่วยไม่สบายในต่างประเทศ เช่น ท้องเสียรุนแรง จนเราต้องเข้าโรงพยาบาล หยูกยาต่างประเทศใช่ว่าจะราคาถูกเท่ากับบ้านเรา แถมหาซื้อยากมากเสียด้วย (เช่น ยาลดแก๊สในกระเพาะอาหาร-แอร์เอ็กซ์ บ้านเราราคาไม่เกิน 20 บาท ต่างประเทศราคาเกิน 300 บาท ต่อแผง 10 เม็ดนะคะ เจ้าพระคุ๊ณราคาโหดขนาดนี้เลยหรอเนี่ย) ถ้ายาแพงขนาดนี้ เราคงจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลครั้งละหลายๆหมื่นไม่ไหวเช่นกัน (นั่นมันเงินช็อปปิ้งที่เราเก็บมาทั้งปีนี่นา) สุดท้ายแล้วเราคงปาดน้ำตารูดบัตรเครดิตจ่ายค่ารักษาไปก่อนใช่ไหมคะ (ถ้าไม่มีบัตรเครดิตเราคงต้องอกแตกตายอย่างแน่นอน จ่ายเงินสดกันหมดตัวเลยทีเดียวค่ะงานนี้)

แต่สิ่งหนึ่งที่เราเพิ่งมานึกถึงกันก็คือ ทำไมเราไม่ซื้อประกันเดินทางตั้งแต่แรกเลยล่ะ (ราคาเท่าไหร่เนี่ย เราเดินทางทริปนึงราวๆ 5 วัน สงสัยจะแพงแน่ๆเลย) บอกได้เลยนะคะว่าถูกมากกกกก จนเราต้องตกใจ กระซิบสั้นๆเพียง “วันละไม่เกิน 100 บาท” เท่านั้นค่ะ โปรดติดตามบทหน้า เราจะมาดูกันว่า ข้อคิดก่อนซื้อประกันภัยเดินทางที่เหมาะสมกับตัวเรา เราจะต้องเลือกจากเหตุผลอะไรบ้างค่ะ